ประโยชน์ของว่านหางจระเข้ มีอะไรบ้าง สามารถนำไปประยุกต์เป็นอะไรได้ ช่วยอะไรให้ร่างกายเราดีขึ้น

ประโยชน์ของว่านหางจระเข้ มีอะไรบ้าง

เมื่อพูดถึงว่านหางจระเข้เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นพืชชนิดนี้ผ่านตาหรือได้ยินผ่านหูมาอย่างแน่นอน มิหนำซ้ำหลายคนอาจจะมีเจ้าพืชชนิดนี้ปลูกไว้อยู่ในบริเวณบ้าน

เนื่องด้วยว่านหางจระเข้ถือว่าเป็นพืชที่ปลูกได้ง่ายและยังเป็นสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้เพื่อดูแลรักษาอาการต่างๆได้หลายอย่าง ฉะนั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับประโยชน์ของว่านหางจระเข้ให้มากขึ้น

ประโยชน์ของว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ครอบจักรวาลเลยทีเดียว เริ่มกันที่ประโยชน์ในการรักษาแผลที่ไม่ว่าจะเป็นแผลสด แผลถลอก แผลพุพอง แผลไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก เพราะในพืชชนิดนี้อุดมไปด้วยเอนไซม์แบรดดีไคเนส (Brady kinase) ที่สามารถลดอาการอักเสบลงได้ มีสาร Aloctin A ที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งผิวหนังหรืออาการแพ้ต่างๆได้

อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 วิตามินบี 12 วิตามินซี วิตามินอี และโคลีน ซึ่งถือว่าเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและดูแลได้ทั้งภายในและภายนอก เพราะช่วยลดคอลเลสเตอรอล การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น และยังยั้งอาการติดเชื้อต่างๆได้

ว่านจระเข้นำมาประยุกต์ใช้อย่างไรบ้าง

การนำว่านหางจระเข้มาใช้นั้นไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด เริ่มต้นด้วยการตัดว่านหางจระเข้ออกมา พร้อมทั้งปลอกเปลือกและล้างให้ยางออกไป สามารถนำเนื้อวุ้นของมันมาแปะลงที่แผลตามร่างกายต่างๆ

สำหรับใครที่มีรอยดำจากสิวหรือเกิดอาการอักเสบต่างๆสามารถนำเนื้อวุ้นมาทาที่รอยสิวนั้นเบาๆ นำมาทาผิวเช้าและเย็นเพื่อเป็นการบำรุงสุขภาพผิวให้แข็งแรงและป้องกันแสงแดด นอกจากนั้นสามารถนำมาทานสดๆได้วันละ 1 – 2 ช้อนโต๊ะเพื่อบำรุงร่างกาย สำหรัยเปลือกที่เต็มไปด้วยยางนั้นสามารถนำมาเคี่ยวเพื่อใช้ทานเป็นยาระบายอ่อนๆได้

ปัจจุบันว่านหางจระเข้ถูกนำมาสกัดและประยุกต์เป็นส่วนผสมต่างๆของผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เช่น โลชั่นผิว สบู่ โฟมล้างหน้า ลิปสติก หรือแผ่นมาร์กหน้า ซึ่งพบว่าสามารถดูแลสุขภาพของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างเห็นผล

นอกจากนั้นปัจจุบันยังมีการวิจัยทำอาหารเสริมจากจระเข้ให้กับผู้ที่มีอาการโรคซึมเศร้า เพราะว่านหางจระเข้อุดมไปด้วยกรดอะมิโน ทริปโตแฟน (Tryptophan) ที่ช่วยทำให้สมองไม่เกิดความเศร้าหรือความวิตกกังวลได้

อีกทั้งยังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม โดยการนำมาผสมเข้ากับน้ำส้มหรือน้ำหวานต่างๆ รวมไปถึงเมนูของหวานๆจึงช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมเพื่อนำไปบำรุงร่างกายได้มากยิ่งขึ้น