เผือก ประโยชน์และสรรพคุณมีอะไรบ้าง และมีวิธีการกินอย่างไรที่จะช่วยทำให้ลดน้ำหนักได้

สำหรับคนที่ชอบรับประทานอาหารมังสวิรัติอย่างเผือกทอด มันทอด หรือหลายคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักอาจจะกำลังมองหาทางเลือกในการรับประทานผักและพืชอื่นๆแทนการรับประทานข้าวเพื่อที่จะลดปริมาณคาร์โบโฮเดรต อาจจะกำลังมองหามันและเผือกนึ่งสำหรับรับประทานแทนมื้อเย็นหรือมื้อกลางวัน วันนี้เรามาดูกันว่าความเชื่อที่ว่าการรับประทานเผือกจะช่วยลดน้ำหนักนั้นจริงหรือไม่

เผือก สรรพคุณ

เผือก และปริมาณแคลอรี่เท่าไหร่สำหรับเผือก 100 กรัม ?

สำหรับเผือก (Taro) นั้นแม้ว่าจะจัดเป็นกลุ่มพืชที่ให้พลังงาน แต่ทราบหรือไม่ว่าหากเปรียบเทียบกับข้าวสวยแล้ว เผือก 100 กรัมจะให้พลังงานเท่าไร สิ่งที่น่าตกใจคือ สำหรับข้าวสวย 1 ทัพพีนั้นอาจให้พลังงานที่ 68 กิโลแคลอรี่ แต่สำหรับเผือกใน 1 ทัพพีกลับให้พลังงานสูงถึง 80 กิโลแคลอรี่ หรือถ้าเทียบเป็นหน่วยชั่งตวงที่ 100 กรัมจะพบว่าเผือกให้พลังงานแก่ร่างกายสูงถึง 119 กิโลแคลอรี่ทีเดียว และถ้าเทียบกับผักตระกูลหัวต่างๆอย่างมันเทศ หรือมันฝรั่ง เรียกว่าเผือกกลายเป็นอันดับหนึ่งในด้านพืชประเภทหัวที่พลังงาน

สิ่งที่แฝงมาในเผือกพร้อมกับการให้พลังงานสูงนั้น กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขยังแนะนำว่าเผือกจัดเป็นพืชที่มีแป้งสูง หรือที่เรียกว่า Starchy vegetable ดังนั้นเมื่อให้แป้งมากจึงมีแนวโน้มมากว่าหากรับประทานไปจะมีการเปลี่ยนแป้งให้กลายเป็นน้ำตาลในร่างกายและเมื่อมีการสะสมก็อาจเป็นเหตุให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้แทนที่จะเป็นการลดน้ำหนัก

อย่างไรก็ตามสำหรับหลายคนที่ยังชอบรับประทานเผือกแต่ก็ต้องการคุมน้ำหนักด้วย อาจจะรับประทานได้ด้วยการงดการบริโภคข้าวหากต้องการรับประทานเผือกต้มแทน รวมถึงการลดปริมาณการรับประทานลงจากเดิม เช่น หากเคยรับประทานข้าว 1-2 ทัพพี อาจเปลี่ยนมารับประทานเผือกต้มแทนโดยจำกัดการรับประทานให้น้อยกว่า 1 ถ้วยก็จะทำให้ได้รับพลังงานที่ลดลงแล้ว แต่เสนอว่าควรทำควบคู่กับการออกกำลังกายด้วยเพื่อไม่ให้ร่างกายสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ

เผือก สรรพคุณ

ประโยชน์อื่นๆของเผือกที่ไม่ใช่ด้านลดน้ำหนัก

แต่แม้ว่าเผือกจะไม่ได้เป็นพืชที่แนะนำสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แต่เผือกยังให้ประโยชน์อื่นๆที่น่าสนใจอีก เช่น การมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ซึ่งเนื่องจากในเผือกมีแคลเซียมสูง การรับประทานเผือกด้วยการต้ม หรือนึ่งให้สุกประมาณหนึ่งกำมือหรือครึ่งถ้วย จะทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมที่ดีเพียงพอต่อความต้องการ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าก่อนรับประทานเผือกทุกครั้งจะต้องนำเผือกไปผ่านความร้อนก่อนเพื่อลดปริมาณกรดออกซาลิกที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคนิ่ว และโรคเก๊าท์ในระยะยาวได้

ดังนั้นด้วยเหตุนี้ การรับประทานผักและความเชื่อว่าการรับประทานผักไม่ทำให้น้ำหนักขึ้นหรือคุมน้ำหนักได้อาจจะต้องพิจารณากันว่าผักนั้นเป็นพืชตระกูลหัวหรือไม่ หากเป็นพืชตระกูลหัวอย่างมันฝรั่ง มันเทศหรือเผือกอาจจะต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยเพราะมีแนวโน้มว่าจะให้พลังงานสูงและอาจจะไม่ได้ช่วยเรื่องการลดน้ำหนักเสมอไป แต่ถ้าใครชื่นชอบรับประทานเผือกจริงๆ อาจจะเลือกเปลี่ยนจากการรับประทานข้าวหรือแป้งมารับประทานเผือกแทนก็ยังพอเป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ต้องระวังปริมาณการบริโภคด้วยว่าควรรับประทานให้น้อยกว่าปริมาณเดิมที่รับประทานข้าว เท่านี้ก็อิ่มอร่อยกับเผือกและการคุมน้ำหนักได้แล้ว