สมุนไพรสีเขียว มีกลิ่นหอมชนิดนี้ เป็นที่คุ้นเคยกันมานาน เนื่องจากมักจะใช้ในการประกอบอาหาร เพื่อเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อม เช่น แกงเปรอะ หรือแกงเลียง เป็นต้น สมุนไพรชนิดนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความกลมกล่อมให้อาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น และวิตามินมากมายอีกด้วย
ประโยชน์ที่เด่นชัดของใบย่านาง
- มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก เป็นตัวช่วยที่สำคัญของสาวๆ ในเรื่องของการชะลอความแก่ หรือริ้วรอยต่างๆ
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ เพราะว่ามีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อม และยังสามารถฟื้นฟูเซลล์ภายในร่างกายไปพร้อมๆกันได้อีกด้วย
- รากของต้นย่านางสามารถช่วยลดไข้ได้ทุกชนิด เช่น ไข้หวัดต่างๆ เป็นต้น
- สามารถนำมาผสมกับยาสระผม เพื่อชะลอการเกิดผมหงอกได้ และยังทำให้ผมดกดำมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
มีฤทธิ์แก้การอักเสบของผิวหนังได้ดี เช่น สิวอักเสบ หรือบริเวณที่มีการอักเสบต่างๆ และยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการปลอบประโลมผิวหน้าจากการแต่งหน้า หรือผิวเสียจากการตากแดด
วิธีทำน้ำย่านาง
- นำใบย่านางล้างสะอาด ฉีกให้มีขนาดเล็กลง (อาจจะเพิ่มสมุนไพรอื่นๆ ที่มีฤทธิ์เย็นเหมือนกันลงไปด้วยก็ได้)
- นำไปบด หรือโขลก อาจจะใช้เครื่องปั่นเพื่ออำนวยความสะดวกก็ได้ ซึ่งในการปั่นนี้ ไม่ควรปั่นเกิด 1 นาที และควรจะใช้ความร้อนให้น้อยที่สุด เพื่อคงสรรพคุณทางยา หรือคุณค่าทางอาหารของใบย่านางไว้ให้ได้มากที่สุด
- นำใบย่านางที่ปั่น มากรองด้วยผ้าขาวบาง หรือที่กรองตาถี่ เพื่อให้เหลือแต่น้ำเท่านั้น
- บรรจุใส่ขวดที่มีฝาปิดสนิท แช่เย็นไว้ เพราะจะทำให้ดื่มง่ายขึ้น
เกร็ดความรู้
- บางตำรายาจีนยกย่องให้ใบย่านางเป็นยาอายุวัฒนะ เนื่องจากมีสรรพคุณทั้งรักษา และบำรุงร่างกายไปพร้อมๆกัน
- เคยมีการทดลองให้ผู้ที่เป็นมะเร็งระยะแรกๆ ดื่มน้ำใบย่านางเป็นประจำ พบว่าก้อนมะเร็งฝ่อและมีขนาดเล็กลง
- หากดื่มแล้วเกิดอาการพะอืดพะอม อาจจะเป็นเพราะน้ำย่านางที่ดื่มนั้นเข้มเกินไป ควรแก้ด้วยการผสมน้ำร้อนให้เจือจางเสียก่อน หรืออาจจะผสมน้ำสมุนไพรอื่นๆ ที่มีฤทธิ์ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ดื่มได้ง่ายขึ้น
- ถึงจะขึ้นชื่อว่ามีสรรพคุณร้อยแปดพันเก้าประการ แต่หากดื่มติดต่อกันนานเกินไปก็อาจทำให้มีสารตกค้างในร่างกายได้เหมือนกัน
- กรณีที่ดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน หากมีอาการชาตามมือ เท้า หรือวิงเวียนศีรษะ ให้หยุดดื่ม จะสังเกตได้ว่าอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นลำดับ