คุณรู้หรือไม่ว่าการรับประทานอาหารแบบเร่งรีบซึ่งนับวันจะกลายเป็นวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมเข้าไปทุกทีแล้ว เพราะต้องรับประทานอาหารแข่งกับเวลาอยู่แทบทุกวัน จึงอาจทำให้หลายๆ คนเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดแล้วรีบกลืนลงท้องไป ซึ่งการที่เราไม่เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืนนี้จะทำให้มีอุจจาระตกค้างอยู่ในลำไส้ได้ค่ะ โดยแต่ละวันตกเฉลี่ยอยู่ถึงประมาณ 10 กิโลกรัมเลยทีเดียวนะคะ
นอกจากนี้ยังมีพวกอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เปรียบเสมือนอาหารขยะ ที่หลายๆ คนเลือกทานเป็นอาหารเช้ากันมากกว่าอาหารที่มีประโยชน์ เพราะสามารถหาซื้อรับประทานได้ง่ายในชั่วโมงเร่งด่วน และในบรรดาอาหารขยะเหล่านี้ก็อุดมไปด้วยแป้งและไขมัน เรียกว่าไม่มีกากใยอาหารให้แก่ลำไส้ของเราเลย ทำให้ระบบขับถ่ายต้องทำงานหนักมากขึ้นในการย่อยเจ้าไขมันเหล่านี้ให้ออกไปจากร่างกาย
และเมื่ออุจจาระที่คั่งค้างอยู่ในลำไส้เหล่านี้เริ่มไปเกาะตามผนังลำไส้ของเรา นานวันเข้าก็อาจเกิดอาการเจ็บป่วยต่างๆ ตามมาได้อีกมากมายเลยทีเดียวนะคะ ไม่ว่าจะเป็น อาการท้องอืด, อ่อนเพลีย, เวียนศีรษะบ่อย, ไมเกรน, ปวดหลัง รวมไปถึงเกิดฝ้า กระ หรือจุดด่างดำต่างๆ ขึ้นบนใบหน้าของเราได้ วันนี้เราจึงมีวิธีการดีท็อกลำไส้ดีๆ มาฝากกันค่ะ
เคล็ดลับสำหรับดีท็อกลำไส้
สำหรับขั้นตอนการดีท็อกลำไส้เพื่อขจัดสารพิษและอุจจาระที่ตกค้างอยู่ภายในลำไส้นั้น คุณเองก็สามารถทำได้ง่ายๆได้ที่บ้านเลย โดยวิธีต่อไปนี้จะเป็นการทำให้ระบบขับถ่ายของเรามีการปรับตัวให้เกิดการขับถ่ายที่เป็นปกติค่ะ ซึ่งสามารถทำได้โดยการทานกล้วยน้ำว้า 2 ผล จากนั้นก็ตามด้วยนมสด 2 กล่อง ตอนตื่นนอน จากนั้นก็ค่อยไปทานอาหารมื้อเช้าได้ตามปกติค่ะ ทำเช่นนี้ติดต่อกัน 3 วัน หลังจากนั้นร่างกายเราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนระบบการขับถ่ายได้ใหม่ เราก็ไม่จำเป็นต้องดีท็อกติดต่อกันทุกวันแล้ว ซึ่งอาจให้เหลือเพียงอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ประโยชน์สำหรับการดีท็อกลำไส้
– เป็นการล้างลำไส้และขับถ่ายของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่ท้องผูกมากๆ
– ช่วยให้ผิวของเราสดใส เปล่งปลั่ง ไม่หมองคล้ำ เรียกว่ามีสุขภาพผิวดีแบบไม่ต้องพึ่งวิตามินเลยล่ะค่ะ
– ช่วยลดหน้าท้องให้แบนราบ พุงไม่ป่อง
– ทำให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น รวมทั้งเลือดในร่างกายก็เกิดภาวะสมดุลไหลเวียนได้สะดวกด้วยค่ะ
– เป็นการชำระล้างไขมันที่ไม่ดีในลำไส้ออกไปโดยไม่ทำให้กระเพาะอาหารเกิดการระคายเคือง
ซึ่งการดีท็อกลำไส้นี้เราสามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้านแบบง่ายๆ ขอแค่เพียงมีวินัยในการทำ ควบคู่กับการออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นผักและผลไม้เป็นหลัก เพียงเท่านี้ร่างกายและผิวพรรณของเราก็จะสดใสแข็งแรง แถมยังห่างไกลจากโรคต่างๆ ได้แล้วล่ะค่ะ
ขอขอบคุณภาพจาก pixabay และ thaiza