ประโยชน์ของมังคุด ราชินีผลไม้ไทย

สำหรับผลไม้ของไทยอย่างมังคุด ก็คงเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้วสำหรับคนไทยเรา เพราะผลไม้ชนิดนี้เป็นที่ถูกปากของใครหลายๆ คน ด้วยรสชาติที่หอมหวานอร่อย แถมยังมีประโยชน์ต่างๆ อีกมากมายเลยทีเดียว จนได้ฉายาว่าเป็นราชินีของผลไม้ในบ้านเราอีกด้วย

ประโยชน์ของมังคุด

ในมังคุดมีประโยชน์อะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

เนื้อมังคุด

– เป็นผลไม้ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายของเราได้ดี

– ช่วยกำจัดไขมันชนิดไม่ดีในเส้นเลือดออกไป

– ทำให้อารมณ์แจ่มใส มีสุขภาพจิตที่ดี

– ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง

– ป้องกันโรคเบาหวานมากล้ำกราย

– มีไฟเบอร์ หรือกากใยอาหารสูง ทำให้ระบบขับถ่ายดี

เปลือกมังคุด

– ช่วยในการสมานแผลทำให้แผลที่เกิดหายเร็วขึ้นกว่าปกติ

– ช่วยแก้อาการอักเสบ โดยเฉพาะแผลที่มีหนอง เนื่องจากเปลือกมังคุดมีสารต้านเชื้อแบคทีเรียอยู่นั่นเอง

– ช่วยแก้อาการท้องเสีย

– ช่วยรักษาโรคน้ำกัดเท้า

– ช่วยให้แผลที่เปื่อยดีขึ้น

น้ำมังคุด

– ทำให้ร่างกายเกิดความสมดุล

– ช่วยลดอาการแพ้ภูมิตนเองในโรค SLE หลายคนอาจสงสัยว่าคือโรคอะไร แต่หากบอกว่าเป็นโรคพุ่มพวง ทุกคนต้องร้องอ๋อเป็นเสียงเดียวกันอย่างแน่นอน

– ช่วยในเรื่องตับเสื่อม, ความดันโลหิตสูง, พาร์กินสัน, ไทยรอยด์, ไตวาย, ข้อเข่าเสื่อม ฯลฯ

ประโยชน์ของมังคุด

มังคุดกับความอ้วน

หลายคนที่เลือกวิธีการลดน้ำหนักด้วยการรับประทานผลไม้อย่างมังคุดอาจสงสัยว่าการรับประทานมังคุดจะควบคุมน้ำหนักได้มั้ย?

ซึ่งขอบอกว่าเป็นข่าวดีของคนรักสุขภาพที่ชื่นชอบการรับประทานมังคุดเลยทีเดียว เพราะแม้ว่าในมังคุดนั้นจะมีรสหวานก็ตาม แต่มีแคลอรีน้อยมาก เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ ดังนั้น จึงไม่ต้องกลัวว่ารับประทานแล้วน้ำหนักจะขึ้นพรวดๆ นะคะ 

นอกจากนี้ยังมีการยืนยันจากวงการแพทย์ว่ามังคุดสามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้จริงอีกด้วย เนื่องจากมีเส้นใยอาหารอยู่สูง ช่วยในเรื่องการขับถ่ายได้ดีนั่นเอง

แล้วมีโทษบ้างหรือเปล่า?

เนื่องจากในเนื้อมังคุดจะมีสารแซนโทนอยู่มากอาจทำให้เกิดการแพ้ในบางคนได้ โดยอาจทำให้เกิดผื่นคัน หรือผิวหนังบวมแดง ปวดศีรษะ ปวดข้อ หรือกล้ามเนื้อขึ้นได้ รวมทั้งสารแทนนินในเปลือกของมังคุด ซึ่งหากรับประทานทุกวันติดต่อกันอาจทำให้เกิดพิษกับไตหรือตับของเราได้นะคะ รวมทั้งอาจทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายต่ำลงได้ และอาจเกิดโรคมะเร็งในร่องแก้มขึ้นได้

ดังนั้น ควรรับประทานอาหารทุกอย่างแต่พอดี ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป รวมทั้งเลือกทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ซ้ำไปซ้ำมาอยู่แต่เพียงชนิดเดียว เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนนะคะ

ขอขอบคุณภาพจาก foodwallpaper และ pantip