การวิ่งคือการออกกำลังกายชนิดหนึ่งสามารถสร้างเสริมร่างกายให้แข็งแรงได้ ช่วยให้กล้ามเนื้อขาทั้งหมดแข็งแรง ระบบหายใจดีขึ้น ความเครียดลดลง ระบบสมองทำงานได้อย่างเป็นปกติ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลซัลเมอร์ให้น้อยลง
อีกทั้งยังเสริมบุคคลิคที่ดีให้กับผู้ออกกำลังกายได้อีกด้วย โดยการวิ่งนั้นถือว่าเป็นที่ไม่ยุ่งยาก สามารถปฏิบัติได้ทุก่าน มีความสนุกสนาน จนทำให้ได้รับความนิยมจากทุกผู้ทุกคน
แต่หลายคนที่ออกวิ่งนั้นมักจะเกิดอาการบาดเจ็บที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหนึ่งในอาการบาดเจ็บที่น่าเป็นห่วงก็คือ ปวดหน้าแข้ง ฉะนั้นเราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการวิ่งแล้วปวดหน้าแข็งให้มากขึ้น และทำการรักษาให้ถูกต้องที่สุด
อาการการปวดหน้าวิ่งขณะวิ่งเกิดจากอะไร
อาการขอปวดหน้าแข้งหลังจากวิ่งนั้น เกิดจากกล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบที่มีสาเหตุหลักๆมาจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ พังผืด กระดูกหน้าแข้ง (tibial bones) หรือรวมไปถึงกล้ามเนื้อบริเวณน่อง เมื่อกระดูกหน้าแข้งได้รับการกระทบกระแทกเป็นระยะเวลาขณะวิ่ง โดยพฤติกรรมในการวิ่งของเหล่านักกีฬานี่แหละ คือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดหน้าแข้ง เช่น การวิ่งบนพื้นแข็ง วิ่งเร็วเป็นเวลานาน วิ่งเขย่งปลายเท้า ยกส้นเท้าให้ลอยขณะวิ่ง หรือสวมใส่รองเท้าที่ไม่มีประสิทธิภาพลดแรงกระแทก
ลักษณะอาการเป็นอย่างไร
อาการปวดหน้าแข้งระหว่างวิ่งนั้นมักจะส่งผลโดยตรงกับ ด้านหน้าของหน้าแข้ง และปวดทางด้านในของหน้าแข้ง ทำให้เกิดอาการปวด เดินหรือวิ่งไม่ถนัด อ่อนล้า เมื่อยขา และรู้สึกเหนื่อยไม่ว่าจะทำกิจกรรมใด
สามารถทำการรักษาได้อย่างไร
วิธีการรักษาอาการวิ่งแล้วปวดหน้าแข้งนั้นควรเริ่มด้วยการพักผ่อนขาให้มากที่สุด งดการวิ่งหรือกิจกรรมอื่นๆจนกว่าอาการจะดีขึ้น หากยังคงฝืนวิ่ง หรือออกกำลังกายต่อไปจะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอักเสบยิ่งขึ้น
รวมไปถึงกล้ามเนื้อส่วนอื่นจนทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทำการประคบเย็นอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการทำกายภาพบำบัด โดยให้ทำการนอนหงาย ยกขาสูงกว่าระดับลำตัว ทำการกดปลายเท้าสลับกันไปพร้อมกับหมุนปลายเท้าเข้าด้านใน หากรู้สึกว่าหน้าตึงเล็กน้อยให้ทำการหยุดค้างไว้ 10 – 15 วินาที ทำแบบนี้ทั้งหมด 5 ครั้ง
สำหรับผู้ที่มีอาการวิ่งแล้วปวดหน้าแข้งต้องจำไว้ว่า ห้ามนวด ห้ามบีบ ห้ามกดที่บริเวณหน้าแข็งหรือบริเวณที่อักเสบอย่างเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้อาการปวดและอาการอักเสบยิ่งแย่ลง การพักผ่อน การประคบเย็น หรือใช้ยาต้านอาการอักเสบน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาอาการดังกล่าว