เกรปฟรุต ลดความอ้วนได้หรือไม่ มีประโยชน์อะไรบ้าง

สำหรับสาวๆหลายคนที่พอพูดถึงเจ้าเกรปฟรุต (Grapefruit) อาจจะเริ่มน้ำลายสอเพราะนึกถึงรสเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันของผลไม้สีส้มสดผลนี้ ซึ่งในระยะหลังนี้ เกรปฟรุตถูกกล่าวถึงมากขึ้นในด้านการดูแลสุขภาพ และรวมถึงในหมู่ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักด้วย แล้วเกรปฟรุตจะช่วยลดความอ้วนได้อย่างไร วันนี้มาทำความรู้จักกับเกรปฟรุตกันดีกว่า

เกรปฟรุต

เกรปฟรุต คืออะไร มีประโยชน์อะไรบ้าง?

เกรปฟรุต (Grapefruit) ซึ่งเมืองไทยมักเรียกทับศัพท์เช่นนี้  เป็นผลไม้ในกลุ่ม Citrus หรือเรียกง่ายๆว่าอยู่ในตระกูลเดียวกับส้ม แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าส้ม เปลือกหนา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสรรพคุณจะใกล้เคียงกับตระกูลส้มคือ มีวิตามินซีสูง และมีสารป้องกันอนุมูลอิสระที่สูง รวมถึงฟลาโวนอยด์ด้วย ทำให้มีประโยชน์ช่วยในด้านการลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งในช่องท้อง ยิ่งกว่านั้นการบริโภคเกรปฟรุตยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้สูงขึ้นอีกด้วย

เกรปฟรุต

เกรปฟรุต กับการลดน้ำหนัก ลดได้จริงๆเหรอ?

สำหรับประโยชน์สำคัญในด้านการช่วยลดน้ำหนักนั้นพบว่า เกรปฟรุตมีผลดีต่อผู้ที่ควบคุมน้ำหนักจริง โดยพบว่าด้วยรสเปรี้ยวของเกรปฟรุตและคุณสมบัติมีฤทธิ์ร้อนจึงมีส่วนช่วยลดไขมันในร่างกาย ซึ่งในต่างประเทศมักพบว่ามีความพยายามในการกระตุ้นระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกายในยามเช้าโดยการเริ่มต้นด้วยการให้ดื่มน้ำเกรปฟรุต ซึ่งผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า เกรปฟรุตนั้นไม่ต่างกันผลไม้ลดน้ำหนักอื่นๆที่ให้ประโยชน์ช่วยให้อิ่มท้องง่าย ซึ่งเกรปฟรุตหนึ่งลูกให้พลังงานเพียง 53 แคลอรี่เท่านั้น และยังให้ไฟเบอร์อีกประมาณ 2 กรัม

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผู้รักสุขภาพมักจะรับประทานเกรปฟรุตครึ่งผลก่อนทุกมื้ออาหาร นอกจากนี้เกรปฟรุตยังช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ โดยลดระดับอินซูลิน และเป็นที่ทราบกันดีว่า ระดับอินซูลินที่ต่ำลงหมายถึงร่างกายจะมีการใช้พลังงานจากอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ากรณีที่เก็บพลังงานนั้นไว้ และกลายเป็นคำอธิบายว่าทำไมเกรปฟรุตจึงช่วยให้ลดน้ำหนักได้

แต่อย่างไรก็ตาม การบริโภคสิ่งต่างๆก็ต้องดูความพอดีและความเหมาะสม แพทย์หลายคนออกมาเตือนภัยว่าสำหรับผู้ป่วยที่มียาประจำในกลุ่มยาลดความดันโลหิตสูง ยาต้านมะเร็ง ยาลดคอเลสเตอรอล นั้นห้ามบริโภคน้ำเกรปฟรุตร่วมกับยาประจำไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ เพราะสารสำคัญของเกรปฟรุตทำให้ยาไม่แตกตัว ขัดขวางกระบวนการดูดซึมยาของร่างกาย และอาจมีผลทำให้ยาออกฤทธิ์คล้ายกับการบริโภคยาเกินขนาดไป 5-10 เท่า ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุด คือ อาจเกิดภาวะเลือดออกในกระเพาะ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ไตวายฉับพลัน หรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นทางป้องกันที่ดีที่สุดคือ งดการบริโภคน้ำเกรปฟรุตร่วมกับยาประจำ หรือควรดื่มหลังบริโภคอาหารแล้ว 1-2 ชั่วโมง  ซึ่งถ้าป้องกันได้ดังนี้แล้ว การบริโภคเกรปฟรุตเพื่อสุขภาพและการลดน้ำหนักก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด