ผลไม้ คือ หนึ่งในอาหารแสนโปรดที่หลายคนชอบรับประทาน ด้วยรสชาติที่อร่อย ทานง่าย และยังมีให้เลือกรับประทานได้อย่างหลากหลาย นอกจากนั้นแล้วผลยังอุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์
จนปัจจุบันได้กลายเป็นอาหารสำหรับผู้รักสุขภาพไปแล้วเรียบร้อย โดยวันนี้เรามี 5 ผลไม้ที่ทานแล้วไม่ทำให้อ้วนลงพุงมาฝากทุกท่านที่กังวลเร่องน้ำหนัก
1.มะละกอ นี่คือผลไม้ที่อุดมไปด้วยกากใยอาหารสูง โพแทสเซียม เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ ไทอะนิน ไรโบฟลาวิน ไนอะซิน และวิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยในการลายไขมันหน้าท้อง ไม่เกิดไขมันสะสม ทำให้ระบบการย่อยและระบบขับถ่ายดีขึ้น ใครที่มักท้องผูกจนทำให้มีพุงยื่นมะละกอช่วยคุณได้ นอกจากนั้นแล้วยังเป้นผลไม้พลังงานต่ำ เพราะมีพลังงานแค่ 13 แคลลอรี่ต่อ 100 กรัม
2.กล้วยน้ำว้าสุก ผลไม้ชนิดนี้ถือว่าเป็นผลไม้ที่สามารถหาได้ง่ายในบ้านเรา เนื้อของกล้วยน้ำว้านั้นอุดมไปด้วยกากใยอาหารที่ดักจับไขมันและขับถ่ายได้อย่างเป็นปกติ มีวิตามินบี 1 บี 2 บี 6 และวิตามินซี ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ใครที่มีปัญหาพุงยื่นสามารถเลือกทานกล้วนน้ำว้าหลังอาหารหลักจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
3.แก้วมังกร หลายคนอาจจะชอบทานแก้วมังกรเพราะมีรสชาติที่หวานอมเปรี้ยวกำลังดี แต่รู้หรือไม่ว่าแก้วมังกรนั้นสรรภคุณในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยลดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดผกผันได้ มีไฟเบอร์สูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นส่วนสำคัญในการสลายไขมันหน้าท้อง โดยแก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีแคลลอรี่น้อย เพียง 60 แคลลอรี่ ต่อ 200 กรัม เมื่อทานแล้วช่วยให้อิ่มท้องได้นาน
4.แอปเปิ้ลเขียว ในแอปเปิ้ลมีสารที่เรียกว่าเพกติน ซึ่งที่มีสรรพคุณช่วยเพิ่มกากใยอาหาร ทำให้ร่างกายดักจับไขมันได้ดีขึ้น ลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยลดความอยากอาหาร แอปเปิ้ลเขียวจึงเหมาะจะเป็นอาหารว่างหรืออาหารมื้อเย็นของคนที่อยากลดพุง
5.แตงโม ผลไม้หวานฉ่ำแสนโปรดของหลายๆคน แตงโมนั้นมีข้อดีตรงที่มีพลังงานต่ำ สามารถทานเล่นได้ มีน้ำและกากอาหารเยอะช่วยให้อิ่มท้องได้นานขึ้นในระหว่างวัน มีคุณสมบัติช่วยย่อยอาหาร ช่วยระบายท้อง และยังสามารถช่วยถ่ายพยาธิได้ ฉะนั้นของเสียหรือไขมันที่สะสมอยู่ที่พุงของคุณจะถูกขับออกเป็นจำนวนมาก
ผลไม้ทั้ง 5 ชนิดที่เราได้นำมาแนะนำนั้น ทุกท่านสามารถนำมารับประทานได้เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน และสรรพคุณที่ดีต่อร่างกาย สำหรับผู้ที่อยากจะทานผลไม้เพื่อลดพุงนั้น ควรเลือกทานในจำนวนที่พอดี คือ 100 – 200 กรัมต่อวัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการได้รับน้ำตาลที่เพิ่มมากขึ้น