Intermittent Fasting (if) กินยังไง สามารถใช้ได้จริงๆหรือเปล่า มีประโยชน์และโทษอย่างไร

intermittent fasting (if) กินยังไง

ปัจจุบันค่านิยมในการลดความอ้วนหรือลดน้ำหนักเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องด้วยผู้คนที่เริ่มจะสนใจและใส่ใจในสุขภาพของตนเอง จนทำให้มองหาวิธีในการลดน้ำหนักต่างๆเพื่อช่วยให้น้ำหนักลดลงได้จริง รวดเร็ว และเหมาะกับตัวเอง

โดยหนึ่งในสูตรลดน้ำหนักที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในช่วงนี้คงต้องยกให้กับ intermittent fasting (IF)

ทำความรู้จักกับ intermittent fasting (IF)

intermittent fasting คือการจัดเวลาในการรับประทานอาหารในแต่ละวัน ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาในการกินอาหารได้ไว้อย่างชัดเจน และกำหนดเวลาที่ต้องงดอาหารไว้อย่างชัดเจนเช่นเดียว เป็นการอดอาหารที่ทำให้ร่างกายมีการปรับเปลี่ยนฮอร์โมน

ทำให้ไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกายลดลง และยังใช้ลดน้ำหนักได้อีกด้วย โดยช่วงที่อดอาหารนั้นสามารถดื่มน้ำสะอาดได้ตามปกติ

Intermittent fasting (IF) ต้องกินอย่างไร

รูปแบบการกินนั้นมีด้วยกันหลายสูตรหลายแบบ ได้แก่

  • แบบที่ 1 คือ 20/5 เป็นการอดอาหาร 20 ชั่วโมงและทานได้ 5 ชั่วโมง
  • แบบที่ 2 คือ อดอาหารทั้งวัน 1-2 วันต่อสัปดาห์
  • แบบที่ 3 คือ 16/8 เป็นการอดอาหาร 16 ชั่วโมงและทานได้ 8 ชั่วโมง

โดยแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั่นก็คือแบบที่ 3 16/8 เนื่องจากสามารถจัดการรูปแบบการกินและการอดให้เข้ากับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนได้ง่าย ไม่หิวจนเกินไป และเมื่อทดลองปฏิบัติดูแล้วสามารถลดน้ำหนักได้จริง

ประโยชน์และโทษของการกินแบบฟาสติ้ง

ประโยชน์ของการกินแบบฟาสติ้งประกอบไปด้วย

  • ช่วยกระตุ้นฮอร์โมน autograph ทำให้ร่างกายสลายเซลล์ที่เสื่อมสภาพของร่างกายและผลิตเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงกว่าขึ้นมาแทน
  • ช่วยให้ออกกำลังกายได้ดียิ่งขึ้น เพราะร่างกายจะสามารถดึงพลังงานที่เรารับมาใช้เพื่อออกกำลังกายได้อย่างพอดี จนไม่เกิดไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ
  • ช่วยลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง เนื่องจากร่างกายมีความอดทนต่อสารพิษและเลือกใช้พลังงานในร่างกายไปกับการทำกิจกรรมต่างๆแทนการไปหล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็ง
  • ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์

แต่ intermittent fasting (IF) ก็ยังมีโทษหรือข้อเสียต่อร่างกายอยู่บ้าง เนื่องจากหากผู้ปฏิบัติไม่ได้มีการศึกษาช่วงเวลาอย่างถูกต้อง อาจจะทำให้อดอาหารผิดจนร่างกายขาดสารอาหาร ไม่มีแรง และสุขภาพดูทรุดโทรมมากกว่าเดิม

จึงไม่เหมาะกับคนที่ทำงานหนัก ทำงานไม่เป็นเวลา หรือผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่ก่อนแล้ว อาจจะต้องทำการปรับเปลี่ยนแผนให้ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อป้องกันผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นต่อร่างกายในภายหลัง

Intermittent fasting (IF) ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ

วิธีการกินแบบฟาสติ้ง ถือว่าเป็นการไดเอ็ดที่สามารถลดน้ำหนักได้จริง ขอเพียงแค่ผู้ที่ต้องการใช้วิธีนี้ต้องวางแผนรูปแบบการกิน แบ่งอาหารรับประทานให้ครบ 3 – 4 มื้อต่อวัน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นโปรตีนและผักเป็นหลัก

ต้องคำนวณพลังงานในแต่ละวันให้เพียงพออย่ามากไปหรือน้อยไปในช่วงเวลาที่กินได้ ออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย พักผ่อนให้เพียงพอ และต้องมีจิตใจที่มุ่งมั่นตั้งใจในการงดอาหารในช่วงนั้นอย่างจริงจัง