หากเอ่ยถึงเมนูอาหารไทยนั้นมีมากมายหลายอย่างเลยทีเดียว ที่ทั้งอร่อยแถมได้สุขภาพไปพร้อมๆ กันด้วย ซึ่งอาหารไทยก็ยังแยกย่อยออกเป็นเมนูอร่อยของแต่ละภาคอีก และหากนึกถึงอาหารภาคใต้ เมนูที่ขึ้นชื่อหนึ่งในอันดับต้นๆ เลยก็ต้องนึกถึงคั่วกลิ้ง ด้วยเพราะเป็นเมนูที่อร่อยรสชาติจัดจ้านเผ็ดถึงใจ แถมยังทำรับประทานเองได้แบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอีกด้วย
คั่วกลิ้งคืออะไร?
สำหรับเมนูอาหารของภาคใต้บ้านเราชนิดนี้ นั้นถือได้ว่าเป็นเมนูเพื่อสุขภาพอีกเมนูหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องจากมีสมุนไพรหลายๆ อย่างที่เป็นเครื่องปรุงของอาหารเมนูอร่อยนี้ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ก็ได้ค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้เนื้อหมูมากกว่า โดยเมนูสุดแซบนี้ใน 1 จาน จะให้พลังงานทั้งหมด 238 กิโลแคลอรีค่ะ
คุณค่าทางโภชนาการมีอะไรบ้างไปดูกันเลยจ้า
– ช่วยในการขับลม ทำให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น
– ช่วยให้รู้สึกเจริญอาหารมากยิ่งขึ้น
– ป้องกันการท้องอืด
– ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค
– ช่วยลดอาการอักเสบต่างๆ
– ช่วยลดน้ำหนักหรือคอเลสเตอรอลในร่างกาย เพราะมีพริกและสมุนไพรต่างๆ
วิธีการทำเมนูคั่วกลิ้งแบบง่ายๆ
– ก่อนอื่นเราก็ต้องเตรียมส่วนผสมและเครื่องปรุงกันก่อน ได้แก่ เนื้อหมู (หรือไก่ก็ได้) ประมาณ 400 กรัม, ตะไคร้ซอยสัก 1 ต้น, ขมิ้นเหลืองสัก 1 ชิ้น, ใบมะกรูดซอยประมาณ 3 – 5 ใบ, หอมแดงประมาณ 2 – 3 หัว, กะปิสัก 1 ช้อนชา, พริกไทยดำประมาณ 1 ช้อนชา, ผิวมะกรูดสัก 1/2 ช้อนชา, น้ำปลาสัก 2 – 3 ช้อนชา และพริก อันนี้ปริมาณแล้วแต่ความชอบเผ็ดมากเผ็ดน้อยของแต่ละคนเลยค่ะ
– เมื่อได้ส่วนผสมครบแล้ว ก็เริ่มจากตำตะไคร้, หอมแดง, ขมิ้นเหลือง, พริกไทยดำ, กะปิ, พริกสด และผิวมะกรูด ให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วพักเอาไว้ก่อน
– จากนั้นก็นำกระทะไปตั้งไฟระดับกลาง แล้วเทเครื่องปรุงที่เราตำไว้เมื่อสักครู่ลงไปผัดในกระทะให้หอม แล้วตามด้วยเนื้อหมูหรือไก่ที่เตรียมไว้จนสุกแล้วก็ให้คั่วต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจนกระทั่งเนื้อหมูเริ่มแห้งสนิท แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา แล้วโรยใบมะกรูดซอยที่เตรียมไว้ลงไป เพียงเท่านี้เราก็จะได้เมนูแสนอร่อยสุดแซบแบบภาคใต้อย่างคั่วกลิ้งกันแล้วล่ะค่ะ
ซึ่งคั่วกลิ้งนั้นแม้ว่าจะมีรสชาติเผ็ดจัดจ้าน โดยบางที่อาจปรุงรสไว้เผ็ดเกินไปก็ตาม แต่ก็นับว่าเป็นเมนูโปรดของใครหลายๆ คนเลยทีเดียว เพราะเป็นเมนูอาหารที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นน่ารับประทาน และยังได้สุขภาพดีเป็นของแถมอีกด้วยค่ะ
ขอขอบคุณภาพจาก edtguide และ pantip